รีวิวสเปค OPPO Reno5 Series 5G ครั้งแรกกับ VDO Portrait ทั้ง Dual-view Video และ AI Mixed Portraitสาย VDO ต้องร้องว้าว

เปิดตัวไปแล้วเรียบร้อยกับ OPPO Reno5 Series 5G งานนี้ทาง OPPO ก็ได้เปิดตัวไปถึง 2 รุ่นได้แก่ OPPO Renoและ OPPO Reno5 5มาพร้อมสโลแกน Picture Life Together โดยเปิดตัวมาในครั้งนี้มีความโดดเด่นด้วยฟีเจอร์ VDO เรียกได้ว่าสาย VDO ต้องโดนใจกันอย่างแน่นอน ส่วนกล้องเซลฟี่แทบไม่ต้องพูดถึงเลย OPPO เค้ากล้องดีงามมากมายเป็นที่รู้ๆกันอยู่แล้วส่วนกล้องหลัง 4 เลนส์ตัวบอดี้การดีไซน์สวยงาม พรีเมี่ยมด้วยเฉดสีพันสีไปเลย กระทบแสงทีก็เปลี่ยนสีที อ่ะไหนๆทั้ง 2 รุ่น ก็มาอยู่ในมือแอดละ งั้นก็มาดูกันดีกว่าว่า มีฟีเจอร์อะไรใหม่ๆเด็ดๆกันบ้าง

คุณสมบัติเด่นของ OPPO Reno5

  • ระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย ColorOS1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด
  • หน้าจอแสดงผลAMOLED ความละเอียด FHD+ ขนาด 4 นิ้ว รีเฟรชเรท 90Hz
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 720G ความเร็วสูงสุด 2.3 GHz
  • หน่วยประมวลผลกราฟฟิก Adreno 618
  • หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB
  • หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB
  • ฟังก์ชัน FlexDrop, Google Lens, Gamer Mode และ Always-On
  • 4 ตัว (AI Quad Camera) ความละเอียด 64+8+2+2 ล้านพิกเซล ประกอบไปด้วย
    • กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/7, ระบบโฟกัสภาพแบบ Closed-Loop Focus Motor และมุมรับภาพ 80 องศา
    • กล้อง Ultra Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2 และมุมรับภาพ 119 องศา
    • กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/4 และมุมรับภาพ 89 องศา
    • กล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/4 และมุมรับภาพ 89 องศากล้อง
  • กล้องเซลฟี่ ความละเอียดสูงสุด 44 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงกว้าง F/2.4
  • รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบ Micro USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 4015 mAhรองรับระบบชาร์จไว VOOC Flash Charge 4.0 30 วัตต์
  • มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ สีเงิน Fantasy Silver และสีดำ Starry Black

 

คุณสมบัติเด่นของ OPPO Reno5 5G

  • ระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย ColorOS1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด
  • หน้าจอแสดงผลAMOLED ความละเอียด FHD+ ขนาด 4 นิ้ว รีเฟรชเรท 90Hz
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 765G ความเร็วสูงสุด 4 GHz
  • หน่วยประมวลผลกราฟฟิก Adreno 620
  • หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB
  • หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB
  • ฟังก์ชัน FlexDrop, Google Lens, Gamer Mode และ Always-On
  • 4 ตัว (AI Quad Camera) ความละเอียด 64+8+2+2 ล้านพิกเซล ประกอบไปด้วย
    • กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/7, ระบบโฟกัสภาพแบบ Closed-Loop Focus Motor และมุมรับภาพ 80 องศา
    • กล้อง Ultra Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2 และมุมรับภาพ 119 องศา
    • กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/4 และมุมรับภาพ 89 องศา
    • กล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/4 และมุมรับภาพ 89 องศากล้อง
  • กล้องเซลฟี่ ละเอียด 32 ล้านพิกเซล ขนาดของรูรับแสงกว้าง F/4
  • รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
  • รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 5G, 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ Wi-Fi 5/5 GHz
  • รองรับการเชื่อมต่อแบบ Micro USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 4300 mAhพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 65W SuperVOOC 2.0
  • มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ สีเงิน Galactic Silverและสีดำ Starry Black

 

ดีไซน์บอดี้ของ OPPO Reno5 Series 5G

ในส่วนของบอดี้ OPPO Reno5 Series 5G รุ่นนี้เขาดีไซน์มาได้เบา บาง สุดๆ ขนาดจับถนัดมือ ใช้งานมือเดียวได้อย่างสะดวก แอดได้มาลองจับเล่นทั้ง 2 สีเลย แต่วันนี้แอดหยิบบอดี้สีเงิน Fantasy Silver ในรุ่น OPPO Reno5 (แต่สีเงินในรุ่น OPPO Reno5 5G คือสี Galactic Silver) ที่หยิบสีนี้มาพูดถึงก็คือเป็นสีที่แอดรู้สึกว่าสวยงามพรีเมี่ยมมาก ด้วยเทคโนโลยีการทำสีใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า Diamond Spectrum Process ทำให้เกิดเฉดสีหลากหลายเฉดสีตามแสงตกกระทบมากถึง 1,000 สีกันเลยทีเดียว รวบถึงเอฟเฟกต์ Reno Glow ที่ช่วยให้พื้นผิวสัมผัสมีความรู้สึกด้านๆแถมยังสามารถป้องกันตัวเครื่องจากรอยนิ้วมือได้ด้วย

 

หน้าจอใหญ่แสดงผลคมชัด

หน้าจอของ OPPO Reno5 Series 5G ก่อนอื่นต้องยอมรับเลยนะว่าทั้ง 2 รุ่น ทั้งดีไซน์ทั้งสเปคส่วนใหญ่แทบจะคล้ายๆกันเลย ว่าด้วยเรื่องหน้าจอทั้งสองรุ่นนั้นก็มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล AMOLED แบบเจาะรู ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400×1080 พิกเซล) พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz และค่า Touch Sampling Rate ระดับ 180Hzรองรับการแสดงสีตามขอบเขตสีแบบ DCI-P3 ครอบคลุม 93.28%, sRGBครอบคลุม 135.13% รวมทั้งยังมาพร้อมกับค่า Contrast Ratio ที่ระดับ 1,000,000:1ช่วยให้การแสดงผลสีสันสวยงาม ไม่ว่าจะเล่นเกมส์ ดูหนัง ดูซี่รีย์ ก็คมชัดดีงาม

 

กล้องเซลฟี่ดีงาม เริ่ดเว่อร์

สายเซลฟี่จะต้องรู้อยู่แล้วละเนอะว่ากล้องเซลฟี่ของ OPPO เค้าดีงามมากจริงๆ กดแชะปุ๊บสวยปั๊บ เนียบใสโดยไม่ต้องแต่งเพิ่มเลย ในส่วนของกล้องเซลฟี่ OPPO Reno5 Series 5G ก็จะอยู่บริเวญด้านบนหน้าจอแบบเจาะรู ซึ่งทั้งสองรุ่นนั้นจะมีความละเอียดของกล้องเซลฟี่ต่างกัน OPPO Reno5 จะมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 44 ล้านพิกเซล พร้อมขนาดของรูรับแสงกว้าง F/2.4 ขณะที่รุ่น OPPO Reno5 5G จะมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมขนาดของรูรับแสงกว้าง F/2.4 นอกจากนั้นทั้ง 2 รุ่นก็ยังมี A.I. Beauty ที่เซลฟี่ออกมาได้เนียนใสเป็นธรรมชาติ และก็ยังสามารถปรับระดับความเนียนใส ทำตาโต หรือเหลาคาง ดั่งโด่ง ได้ด้วย

 

ตัวอย่างภาพเซลฟี่จากทั้ง 2 รุ่น

ภาพเซลฟี่จากรุ่น OPPO Reno5 5G

 

ภาพเซลฟี่จากรุ่น OPPO Reno5

 

พอร์ตเชื่อมต่อรอบเครื่อง

ด้านซ้ายของตัวเครื่องทั้งสองรุ่น ประกอบไปด้วย ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Dual Nano SIM Slot และปุ่มปรับระดับเสียง

 

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องติดตั้งปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดการทำงานของตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล

 

ด้านบนของตัวเครื่องทั้งสองรุ่นมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน

 

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ช่องเสียบหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และลำโพงเสียงตัวหลัก

 

กล้องหลัง 4 เลนส์ ความละเอียดสูงสุด 64MP

กล้องหลังทั้ง 2 รุ่น ทั้ง OPPO Reno5 และ OPPO Reno5 5G มาพร้อม 4 เลนส์ ความละเอียด 64+8+2+2 ล้านพิกเซล ประกอบไปด้วย กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.7, ระบบโฟกัสภาพแบบ Closed-Loop Focus Motor และมุมรับภาพ 80 องศา, กล้อง Ultra Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.2 และมุมรับภาพ 119 องศา, กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4 และมุมรับภาพ 89 องศา, กล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4 และมุมรับภาพ 89 องศากล้อง

แถมยังมาพร้อมฟีเจอร์เด่นๆ อย่าง ฟังก์ชั่น AI Color Portrait สำหรับถ่ายภาพนิ่ง – วิดีโอ เป็นฟังก์ชั่นที่ตัวบุคคลจะยังมีสีแต่สภาพสิ่งแวดล้อมรอบตัวจะเป็นสีขาวดำ, ฟังก์ชัน AI Mixed Portrait เป็นการถ่ายวิดีโอแบบถ่าย 2 ซ็อตแล้วเอามาช้อนทับกันให้เป็นรูปเดียวกัน เรียกว่าเป็นฟังก์ชันที่มีความครีเอทสุดๆสำหรับสาย VDO อย่างแท้จริง รวมถึงโหมดถ่ายภาพกลางคืนแบบไม่ต้องใช้ขาตั้ง พร้อมฟีเจอร์ Tripod Mode แถมยังรองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 4K (30fps) อีกด้วย

 

ตัวอย่างการถ่ายภาพจากกล้องหลังของ OPPO Reno 5 Series 5G

ตัวอย่าง VDO ฟังก์ชัน AI Mixed Portrait

สรุปฟีเจอร์เด่นๆของ OPPO Reno 5 Series 5G

มาแอดจะสรุปฟีเจอร์เด่นๆของทั้งรุ่น OPPO Reno 5 และรุ่น OPPO Reno 5 5G ให้ฟัง ทั้ง 2 รุ่นนั้นทั้งดีไซน์ ทั้งสเปคแทบจะแยกกันไม่ออกเลย คล้ายกันสุดๆ ดีไซน์มีความบางเบา ขนาดก็เท่าๆกันเลย หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400×1080 พิกเซล) พร้อมค่า Refresh Rate สูงสุด 90Hz, รองรับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ Hidden Fingerprint Unlock และระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock), ชิปเซ็ตประมวลผลในรุ่น OPPO Reno5 คือ Snapdragon 720G ความเร็วสูงสุด 2.3 GHz และ ชิปเซ็ตประมวลผลในรุ่น รุ่น OPPO Reno5 5G คือ Octa-Core Qualcomm Snapdragon 765G ความเร็วสูงสุด 2.4 GHz, ในส่วนของกล้องหลังทั้ง 2 รุ่น มาพร้อม 4 เลนส์ ความละเอียด 64+8+2+2 ล้านพิกเซล แต่กล้องเซลฟี่ในรุ่น OPPO Reno5 ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล แต่ในรุ่น OPPO Reno5 5G ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล นอกจากนั้นแบตเตอรี่ ในรุ่น OPPO Reno5 ความจุ 4310 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 50W Flash Charge ส่วนในรุ่น OPPO Reno5 5G ความจุ 4300 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 65W SuperVOOC 2.0

หมายเหตุ
  • ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการรับผิดชอบใดๆอันเนื่องจาก ข้อผิดพลาดทางการพิมพ์ (ผิด/ตก)
  • รายละเอียดต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • กรุณาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สาขาใกล้บ้านท่าน

Related Posts

See More...